- ภาษานอร์เวย์ มี 2 ประเภท คือ บุ๊กมอล และ นีนอชค์ ซึ่งทั้งสองประเภทค่อนข้างคล้ายกัน เด็ก ๆ ทุกคน จะต้องเรียน แต่คนส่วนใหญ่นิยมใช้บุ๊กมอลมากกว่า ทั้งหนังสือพิมพ์หรือรายการทีวีต่าง ๆ นอกจากนี้เด็ก ๆ ทุกคนต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วย ปัจจุบันคนนอร์เวย์ส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
- การทักทายของคนนอร์เวย์ โดยการจับมือ ซึ่งเป็นการทักทายแบบเป็นทางการ แต่ถ้าทักทายญาติสนิทหรือเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ก็อาจใช้การทักทายแบบจับมือหรือชนแก้ม หรือทั้งจับมือและชนแก้มไปพร้อม ๆ กันเลย (การชนแก้ม เป็นการนำเอาแก้มขวาของเราไปชนกับแก้มขวาอีกฝ่าย หรือ ใช้แก้มซ้ายของเราชนกับแก้มซ้ายของฝ่ายก็ได้) แต่บางครั้งญาติสนิท เช่น แม่กับลูก อาจใช้การทักทายแบบจับมืออย่างเดียวก็ได้.....อันนี้สังเกตมาจากคนใกล้ตัว.....สังสัยคงจะเขินกันระหว่างแม่ลูก นอกจากนี้ยังใช้วิธีการโอบกอด โดยโอบข้างหนึ่งพร้อมจับมืออีกข้างหนึ่ง หรือ โอบสองข้างพร้อมชนแก้มไปด้วย หรือสนิทมากแบบคนรัก ก็จุ๊บกันเลยค่ะ
- การที่คู่รักจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดา
- คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่ใจเย็น ทำอะไรไม่รีบร้อน แต่เป็นคนตรงต่อเวลานะคะ นัดอะไรก็ไม่ไปสาย มีอยู่ครั้งหนึ่งนัดไปสถานีอนามัย และไปถึงตรงเวลาเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน แต่พนักงานแซวว่า มาช้า 1 นาทีนะ ก็เลยบอกไปว่านาฬิกาของเราตรงเป๊ะ แต่นาฬิกาของสถานีอนามัยเดินเร็วไป 1 นาทีค่ะ
- คนนอร์เวย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สิทธิค่อนข้างเท่าเทียมกันค่ะ ไม่แบ่งแยกว่างานบ้านจะต้องเป็นผู้หญิงทำเท่านั้น ผู้หญิงสามารถทำงานแบบที่ผู้ชายทำได้ เช่น ตัดหญ้า ล้างรถ รวมทั้งผู้ชายก็สามารถทำงานบ้านได้เหมือนกัน เช่น ทำอาหาร ซักผ้า ล้างจาน เลี้ยงลูก ที่ชอบมากตรงเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกตอนที่ลูกอึ แหม่....ดูแล้ว ช่างน่ารักซะจริง ๆ
- คนนอร์เวย์ชอบออกนอกบ้านไปเดินเล่น โดยเฉพาะถ้ามีลูกเล็ก ๆ จะต้องมีรถเข็น เพื่อพาลูกออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าน สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านได้ทุกฤดูกาล ถ้าหน้าหนาวก็จะแต่งตัวกันนานเลยกว่าจะได้ออกจากบ้านไปเดินเล่น ทั้งเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงเท้า รองเท้า ผ้าพันคอ และหมวก
- ประเทศนอร์เวย์มีชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากประเทศนอร์เวย์ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น สงคราม หรือ ความอดอยาก
- ในฤดูร้อนตามตัวเมืองต่าง ๆ มักมีกิจกรรมสินค้าลดราคา บางทีมีกิจกรรมอาหาร ซึ่งแน่นอนก็รวมร้านอาหารไทยอยู่ด้วย ชอบมาก ๆ
- ในฤดูหนาวคนนอร์เวย์ชอบไปเล่นสกีกัน หรือไปพักผ่อนตามบ้านพักตากอากาศตามภูเขา
- ในฤดูหนาวมีหิมะมาก ซึ่งบางแห่งเป็นน้ำแข็งลื่น ๆ เวลาเดินต้องคอยระวังเป็นอย่างมากเพราะอาจลื่นล้มได้
- ในฤดูหนาวที่น้ำในทะเลหรือทะเลสาบเป็นน้ำแข็ง เวลาจะตกปลาก็เจาะรูแล้วหย่อนเบ็ดลงไป
- สามารถพบเห็นเป็ดได้ตามทะเลสาบหรือแหล่งน้ำทั่วไป ซึ่งห้ามจับนำไปรับประทาน
- ในฤดูร้อนสามารถเล่นน้ำทะเล ทะเลสาบหรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติได้ แต่เล่นได้เป็นบางวันนะ เนื่องจากบางวันในฤดูร้อนก็หนาวซะเหลือเกิน
- ดินแดนแห่งอาทิตย์เที่ยงคืน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงคืน คำนี้ ยกให้ ประเทศนอร์เวย์
- แสงแดดเป็นสิ่งที่คนนอร์เวย์ชอบ มีคำพูดว่า วันไหนมีแสงแดดแปลว่าอากาศดี ลองเปรียบเทียบกับบ้านประเทศไทยของเรา วันไหนมีแสงแดดแปลว่าวันนั้น......อากาศร้อนมาก ๆ
- ในฤดูร้อนจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเยี่ยมชมความงามตามธรรมชาติของชายฝั่งทะเลของประเทศนอร์เวย์ โดยการล่องเรือจากใต้ไปเหนือและกลับมา
- กีฬาที่มีชื่อเสียงมากของประเทศนอร์เวย์คือ สกี ไม่ว่าจะเป็นสกีประเภทกระโดด แบบระยะทางไกล ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- คนนอร์เวย์ทักทายพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอากาศ เช่น วันนี้อากาศดีมาก วันนี้มีหมอก ซึ่งถ้าเป็นคนไทยทักทายเพื่อนบ้านก็คงเรียกกินข้าว....ประมาณนั้น
- อากาศของประเทศนอร์เวย์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เช่น ตอนรุ่งเช้ามีหมอก ตอนเช้ามีแสงแดดจ้า พอสาย ๆ ฝนก็ตกลงมาซะงั้น เวลาฝนตกก็ไม่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าแบบบ้านเรา ฝนตกลงมาเป็นเม็ดเล็ก ๆ สามารถใส่เสื้อคลุมกันฝนเดินออกไปข้างนอกได้สบาย ๆ โดยเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องฝนตก คือเมือง แบร์เกน
- ประเทศนอร์เวย์จะทำการปรับเวลานาฬิกาให้ช้าลง 1 ชั่วโมงในฤดูหนาว ซึ่งจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง โดยในฤดูร้อนจะปรับเวลานาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ส่งผลให้ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
- คนนอร์เวย์นิยมอาบน้ำวันละครั้ง หรือบางคนก็สองวันจึงอาบ โดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งเสื้อผ้าก็สามารถใส่ได้ 1-2 ครั้ง จึงจะซัก
- ค่าครองชีพของประเทศนอร์เวย์แพง แต่ถ้าเราเลือกที่จะดำเนินชีวิตแบบไม่สุรุ่ยสุร่าย ก็สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายค่ะ อาหารก็มีทั้งราคาถูกและราคาแพง ถ้าชอบรับประทานปลา อย่างเช่น ปลาแซลม่อน ก็จะเป็นสวรรค์ของคุณเลยค่ะ เพราะว่ามันถูกจริง ๆ หรืออาจจะทำอาหารเองที่บ้านก็จะประหยัดได้มาก ไม่จำเป็นต้องซื้อรถ ใช้รถสาธารณะหรือแม้แต่บ้านหลังเล็ก ๆ ไม่ต้องใหญ่ ก็จะช่วยประหยัดได้มากทีเดียวค่ะ
- บ้านพักหรืออพาร์ทเมนท์ที่ให้เช่า เจ้าของมีสิทธิ์ในการเลือกผู้ให้เช่ามาก เนื่องจากบ้านพักจำนวนน้อยกว่าความต้องการเช่า ซึ่งนักศึกษานิยมจะมีรูมเมทเพื่อแชร์ค่าเช่ากัน
- คนนอร์เวย์บางส่วนมักไปซื้อบ้านพักตากอากาศที่ประเทศสวีเดน เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านและมีค่าครองชีพต่ำกว่า
- คนนอร์เวย์บางส่วนมีเรือส่วนตัวเอาไว้ใช้เพื่อพักผ่อนในยามว่าง
- คนนอร์เวย์นิยมทำประกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ประกันชีวิต บ้าน รถ และเรือ หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งหากเกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือทรัพย์สินก็จะได้รับการชดเชยหรือเงินจากการทำประกันที่สูงด้วยเช่นกัน อย่างเช่นกรณีไฟไหม้บ้าน ก็จะได้รับการสร้างบ้านใหม่
- คนนอร์เวย์หรือผู้ที่ทำงานในประเทศนอร์เวย์ต้องจ่ายภาษี ซึ่งมีตั้งแต่ 18 - 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแต่ละคนจ่ายไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพครอบครัว การมีบุตร มีหนี้สิน ผ่อนบ้าน โดยทุกคนจะมีเกษียณในยามชรา หรือถ้าป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ก็จะได้รับเงินเกษียณค่ะ
- งานส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงเป็นชั่วโมง ซึ่งค่าแรงสูง แม้แต่งานทำความสะอาดก็มีรายได้ดี
- คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร สามารถลาคลอดได้เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเลี้ยงดูบุตร จากนั้นคุณพ่อก็สามารถลางานเพื่อดูแลบุตรต่อจากคุณแม่ได้เป็นเวลา 3 เดือน โดยการลานั้นได้รับเงินเดือนด้วย แต่ถ้าคุณแม่ที่ไม่เคยทำงานอยู่ในประเทศนอร์เวย์มาก่อน จะได้รับเป็นเงินก้อนเพื่อนำไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้กับลูก....ดีจังเน๊อะ
- ครอบครัวที่มีลูก จะได้รับเงินจากรัฐ 1310 โครน ทุกเดือน จนถึงอายุ 18 ปี
- การแต่งงานเป็นเรื่องหรูหรามาก คู่รักบางคู่ไม่นิยมจัดงานแต่งงานเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง
- คนนอร์เวย์มีเปอร์เซ็นต์การหย่าร้างสูงมากเช่นกัน โดยครอบครัวที่หย่าร้างหากมีลูกด้วยกัน ลูกอาจจะได้อยู่กับแม่หรือกับพ่อ หรือทั้งสองฝ่าย ซึ่งต้องมีการตกลงกันระหว่างพ่อกับแม่เป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งฝ่ายที่ดูแลลูกน้อยกว่าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้แก่อีกฝ่ายด้วย
- เด็ก ๆ จะย้ายออกจากครอบครัวเมื่ออายุประมาณ 18-19 ปี เพื่อไปอยู่คนเดียวหรือกับคู่รัก ส่วนน้อยที่จะยังคงอยู่กับพ่อแม่
- ลูก ๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ในยามที่พ่อแม่แก่ชรา เนื่องจากทุกคนที่เกษียณจะได้รับเงินเดือนจากทางรัฐ ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แบบไม่เดือดร้อน ผู้หญิงหรือผู้ชายชราที่เป็นหม้ายก็อาจจะไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ซึ่งจะมีเพื่อน ๆ ในวัยใกล้เคียงกันมากมาย
- เวลาไปได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านเพื่อนหรือญาติ ก็ควรนำของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือไปด้วย เช่น ดอกไม้
- คนนอร์เวย์รักต้นไม้และดอกไม้มาก มักนิยมประดับบ้านด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด
- วันคริสต์มาส ผู้ใหญ่มักให้ของขวัญหรือเงินแก่เด็ก ๆ และมักนิยมประดับบ้านเรือนด้วยต้นคริสต์มาส พร้อมไฟกระพริบ เพื่อความสวยงาม
- ครอบครัวที่มีเด็กแรกคลอด ญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ จะมาเยี่ยมเยียนพร้อมทั้งการ์ดอวยพร ซึ่งนิยมให้เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน ให้กับเด็กแรกคลอดนั้นด้วย
- หากสุขภาพของคุณแม่หรือเด็กไม่มีปัญหาใด ๆ พยาบาลผดุงครรภ์จะให้ทำการคลอดแบบธรรมชาติ
- ทุกคนจะต้องมีแพทย์ประจำตัว ซึ่งหากมีปัญหาสุขภาพจะต้องติดต่อไปที่แพทย์ประจำตัวเพื่อขอรับการรักษาและตรวจวินิจฉัยก่อน
- สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลให้การรักษาฟรี แต่บางครั้งต้องรอคิวนานมาก บางโรงพยาบาลมีรอคิวนานถึง 4 เดือน ค่าบริการรักษาฟรี แต่ถ้าต้องใช้ยา จะได้รับเอกสารจากโรงพยาบาลให้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาเอง
- หากมีเหตุฉุกเฉิน อาการขั้นโคม่า สามารถเรียกรถพยาบาลได้ทันที ซึ่งถ้าอาการหนักมากก็จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับถึงที่เลย
- ค่าบริการทำฟันสำหรับผู้ใหญ่ไม่ได้ฟรี นอกจากไม่ฟรีแล้วต้องจ่ายค่าบริการแพงมาก
- การจราจรของประเทศนอร์เวย์ไม่ค่อยติดขัด ซึ่งทำให้รถประจำทาง รถไฟ รถราง ต่าง ๆ มาตรงเวลา
- ทางม้าลาย คือ ทางข้ามของคนเดินถนน ซึ่งรถจะต้องหยุดให้คนข้ามหากไม่มีไฟจราจร
- รัฐให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ มาก ใครก็ตามที่ต้องการทำงานกับโรงเรียน จะต้องมีใบรับรองความประพฤติจากตำรวจ
- พ่อแม่หรือผู้ปกครองห้ามตี หยิก ดึงหู หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการเข้าข่ายทำร้ายร่างกายแก่เด็ก ซึ่งหากละเมิด ก็จะได้รับการลงโทษถึงขั้นติดคุก รวมทั้งจะมีหน่วยงานมานำเด็กไปให้ครอบครัวอื่นเลี้ยงดูเด็กแทน
- ไม่มีการลงโทษด้วยการตีเด็กนักเรียน การลงโทษมีเพียงแค่ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น
- โทษสูงสุดของผู้กระทำผิดคือจำคุก 21 ปี.....ไม่มีโทษประหารค่ะ
- สิทธิของผู้บริโภคสูงมาก เช่น หากเราซื้อเสื้อผ้ามาแล้วใส่ไม่ได้ หรือใส่แล้วไม่ชอบ เกิดเปลี่ยนใจ ก็สามารถนำไปเปลี่ยนได้
- ประเทศนอร์เวย์มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงจำนวน 2 คน
- โรงเรียนรัฐบาลเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย อุปกรณ์การเรียน เช่น หนังสือ สมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ ทางโรงเรียนแจกให้ฟรี หากใช้หมดแล้วสามารถขอคุณครูใหม่ได้
- การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยฟรี นักศึกษาสามารถกู้เงินจากรัฐมาจ่ายค่าที่พักและค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ ได้ แต่คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่นิยมเรียนสายอาชีพมากกว่า
- เด็กเล็กตั้งแต่ 1 ขวบ จนถึง 6 ขวบ ส่วนใหญ่จะไปโรงเรียนอนุบาล เนื่องจากครอบครัวของคนนอร์เวย์เป็นครอบครัวเดี่ยว คือภายในครอบครัวประกอบด้วย พ่อแม่และลูก ซึ่งจะไม่มีปู่ย่าตายายหรือญาติ ๆ มาอยู่รวมกันเหมือนสังคมไทย หากคุณพ่อและคุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านก็จะไม่มีใครดูแลเด็ก ๆ ฉะนั้นเด็กเล็ก ๆ จึงต้องไปโรงเรียนอนุบาล
- เด็ก ๆ ในโรงเรียนอนุบาลมีกิจกรรมออกไปเดินเล่นข้างนอกโรงเรียนกันเกือบทุกวัน โดยคุณครูเป็นคนพาไป เด็ก ๆ ทุกคนต้องใส่เสื้อคลุมสะท้อนแสง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนในกรณีข้ามถนน คุณครูจะเดินจับมือเด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็จับมือกันเอง เป็นกลุ่ม ๆ
- เด็กนักเรียนระดับประถมและมัธยม หากผู้ปกครองต้องทำงานล่วงเวลา เด็ก ๆ สามารถอยู่ที่โรงเรียนหลังเวลาเลิกเรียนได้ ซึ่งจะมีคุณครูและพนักงานคอยดูแลเด็ก ๆ ตลอดเวลา โดยผู้ปกครองต้องจ่ายค่าใช้จ่ายให้กับทางโรงเรียน
- ทุกโรงเรียนมีมาตรฐานสูงเท่า ๆ กัน ฉะนั้นพ่อแม่จึงนิยมให้เด็ก ๆ ไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน หรือตามเขตที่ได้รับสิทธิ์
- เด็ก ๆ ไปโรงเรียน 08:00-14:00 บางโรงเรียนอาจจะ 15:00 เรียนแบบสบาย ๆ ไม่มีการบ้านหรืองานประดิษฐ์มากมาย หรือถ้ามีก็น้อยมาก เด็ก ๆ จะเรียนกันแบบสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด
- เด็กนักเรียนหรือนักศึกษาสามารถใส่ชุดอะไรไปเรียนก็ได้ ซึ่งรวมทั้งไม่มีกฎว่าจะต้อง ตัดผมสั้น ห้ามไว้เล็บ เรียกได้ว่า ฟรีสไตล์ เป็นอย่างมาก
- เด็กผู้หญิงเริ่มแต่งหน้าทาปากตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เรียกได้ว่า สวยตั้งแต่เด็กกันเลยทีเดียว
- กล้วยที่ขายตามร้านต่าง ๆ มีเพียงชนิดเดียว คือ กล้วยหอม มีทั้งแบบลูกใหญ่กับลูกใหญ่มาก เวลาซื้อจ่ายราคาเป็นต่อกิโลกรัม
- แอปเปิ้ลจ่ายราคาเป็นต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15-25 โครน เมื่อเทียบกับบ้านเราแล้ว แอปเปิ้ลที่นี่ถือว่าถูกมาก แต่การเพาะปลูกแอปเปิ้ลของประเทศนอร์เวย์เองก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ สวีเดน
- นมและโยเกิร์ตมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา
- วาฟเฟิลเป็นขนมที่นิยมทำรับประทานกันที่บ้าน หรือสามารถซื้อได้ตามร้านต่าง ๆ
วาฟเฟิลคล้ายกับขนมรังผึ้งของไทยเรา คนนอร์เวย์นิยมรับประทานกับแยมหรือเนย - ช็อกโกแลตเป็นของหวานขึ้นชื่อ ขนมที่เด็ก ๆ ชอบรับประทานกันมาก มีขายทั้งแบบชั่งเป็นกิโลกรัมและเป็นห่อ
- ร้านค้าเกือบทุกร้านมีเครื่องให้รูดบัตรในการซื้อสินค้าได้ แต่ถ้าไปซื้อสินค้าไทยในร้านขายของเอเชียบางร้านต้องพกเงินสดไปนะคะ
- ร้านขายของเอเชีย คือ ร้านที่ขายสินค้านำเข้าจากทวีปเอเชีย ซึ่งได้แก่ ไทย จีน เวียดนาม ลาว ฟิลิปปินส์ ฯลฯ
- ประเทศนอร์เวย์ใช้เงินโครนและไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเงินยูโร ซึ่ง 1 โครน เทียบกับประมาณ 3-4 บาทของไทย
- คนนอร์เวย์นิยมเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน สุนัขทุกตัวมีเจ้าของ เราจึงไม่พบเห็นสุนัขจรจัดในประเทศนอร์เวย์มากนัก หากพาสุนัขออกไปนอกบ้านจะต้องใช้สายจูง เพื่อป้องกันสุนัขไปกัดคนอื่น รวมทั้งต้องพาสุนัขออกไปเดินเล่นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งด้วย ถ้าสุนัขถ่ายอุจจาระตามที่สาธารณะ เจ้าของจะต้องทำการเก็บให้เรียบร้อย
- มีโรงแรมสำหรับฝากเลี้ยงสัตว์ เช่น สุนัข แมว สามารถใช้บริการกรณีที่เราต้องเดินทางไปต่างประเทศ หรือต้องจากบ้านไปนานโดยที่ไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้
- สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าร้านอาหาร ร้านขายของ บางแห่งได้ด้วย
- ผู้หญิงสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติ รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์หรือเบียร์ก็เป็นที่นิยมโดยทั่วไป
- สถานที่จอดรถซึ่งหากนำรถไปจอดแล้ว ถ้าสถานที่ไหนต้องจ่ายเงิน หรือเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเช่น ตั้งแต่เวลา 08:00-15:00 ต้องไปจ่ายเงินที่ตู้ชำระเงิน แล้วให้นำใบเสร็จชำระเงินไปวางไว้ที่หน้ากระจกรถด้านใน
- การจราจรเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ไม่ขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนดเพราะจะมีกล้องคอยจับตลอดระยะทาง
- ค่าทางด่วนจะมีกล้องจับและส่งใบเรียกเก็บเงินมาให้ที่บ้านทุกบ้าน ซึ่งบางคนใช้แบบติดสัญญาณไว้ที่หน้ารถเพื่อจ่ายเงินอัตโนมัติก็สะดวกดีค่ะ
- ทุกคนที่นั่งรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ทั้งนั่งเบาะหน้าและเบาะหลัง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยค่ะ
- คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่ใช้รถเก๋งเนื่องจากอากาศหนาว จึงไม่พบเห็นรถกระบะมากนักที่ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งถ้าต้องการขนของก็จะใช้รถลากเสริมหรือวางไว้บนหลังคารถ
- รถที่ประเทศนอร์เวย์พวงมาลัยอยู่ด้านซ้าย เวลาขับรถก็ขับชิดขวาค่ะ
- เวลาขี่จักรยานก็สวมหมวกกันน็อค โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยค่ะ
- ไม่มีรถสามล้อหรือรถซาเล้งขายของ แต่ในฤดูร้อนจะมีรถขายไอศครีมวิ่งออกขายตามหมู่บ้าน ซึ่งรถนั้นคันใหญ่ไม่ได้เป็นเหมือนรถสามล้อแบบประเทศไทย
- ตามท้องถนนไม่มีโฆษณาข้างทาง เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- ขอทานมีให้เห็นทั่วไปซึ่งก็เหมือน ๆ กับบ้านเรา บางคนก็ร้องเพลงให้ฟัง บางคนก็เต้นให้ดู
- ในห้องน้ำไม่มีสายฉีดน้ำ แต่จะใช้กระดาษชำระแทนทั้งปัสสาวะและอุจจาระ ซึ่งหลังจากการใช้กระดาษชำระแล้วให้ทิ้งลงในโถ่ส้วมได้เลย
- ไม่มีโฆษณาทางทีวีมากนักและโฆษณาแต่ละช่วงเบรกรายการก็ไม่นานเหมือนกับประเทศไทยของเรา ส่วนรายการทีวีก็มีไม่มากนักและเป็นรายการซ้ำ ๆ กัน เช่น รายการข่าว ส่วนละครเท่าที่เห็นมีเพียงเรื่องเดียว คนนอร์เวย์จึงไม่ได้พูดถึงละครตอนพักกลางวันเหมือนบ้านเรา
- ช่วงพักกลางวันของโรงเรียนหรือที่ทำงาน คือ ครึ่งชั่วโมง ในช่วงพักนี้ต้องรีบรับประทานอาหารให้เสร็จ ตามโรงเรียนหรือที่ทำงานส่วนมากไม่มีร้านอาหารขาย เด็ก ๆ หรือคนวัยทำงานส่วนใหญ่จะนำมาจากบ้านกัน (matpakke)
- ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เป็นร้านค้าเฉพาะที่จำกัดอายุของผู้ซื้อ และมีขายอยู่ตามตัวเมืองเท่านั้น
- ร้านขายของหรือห้างสรรพสินค้า สถานให้บริการต่าง ๆ จะปิดในวันอาทิตย์ จะมีเพียงบางร้านหรือร้านอาหารเท่านั้นที่เปิดในวันอาทิตย์ ซึ่งร้านค้าที่เปิดในวันอาทิตย์นั้นจะไม่ได้เปิดทั้งร้าน แต่จะเปิดเพียงแค่ส่วนหนึ่งเป็นบริเวณเล็ก ๆ เวลาไปซื้อของหากไม่มีของที่ต้องการเราสามารถบอกคนขายให้ไปหยิบให้ได้
- ร้านค้าขนาดใหญ่ไม่มีถุงใส่สินค้าให้ ซึ่งถ้าไม่อยากซื้อถุงใส่ของก็ให้นำถุงผ้าหรือถุงพลาสติกไปเอง (แต่ร้านเอเชียหรือร้านค้าขนาดเล็ก ๆ มีถุงให้นะ)
- คนนอร์เวย์ไม่นิยมไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งบางคนไม่เคยไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเลย ยกตัวอย่างเช่น ญาติทางสามีของผู้เขียน ประเทศนอร์เวย์จึงมีร้านอาหารน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของประชากร ราคาของอาหารค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับการทำอาหารเองที่บ้าน ดังนั้นคนนอร์เวย์ส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารง่าย ๆ เช่น ขนมปัง พิชซ่า หรือทำอาหารในช่วงวันหยุด
- มีอาหารชนิดหนึ่งที่คนนอร์เวย์ทำรับประทานเป็นอาหารเย็นในวันเสาร์ ชื่อว่า ริสเกริท (Risengrøt) ทำมาจากข้าวสารใส่นม แล้วนำไปต้ม คอยคนไม่ให้ข้าวติดหม้อประมาณ 30 นาที แล้วนำมารับประทานกับเนยเหลว อบเชย หรือน้ำตาลทราย รสชาติ นั้น เหมือนกับข้าวเหนียวมูลบ้านเราเลยค่ะ
- อาหารไทยขึ้นชื่อมากในประเทศนอร์เวย์ ยกตัวอย่างเช่น ผัดไทย ไก่สะเต๊ะ หมูสะเต๊ะ ผัดไก่ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ ปอเปี้ยะ
- มีร้านอาหารไทยอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ประมาณ 40 ร้าน และมีวัดไทย จำนวน 6 วัด
- มีสมาคมคนไทย เช่น สมาคมชาวพุทธไทยทรอนด์เฮม สมาคมชาวพุทธไทย สมาคมคนไทยในเขตโรกาแลนด์ สมาคมภาษาและวัฒนธรรม และสมาคมสตรีไทยในนอร์เวย์ เป็นต้น
- ปัจจุบันคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศนอร์เวย์มีจำนวนประมาณ 10,000 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายนอร์เวย์ ซึ่งส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนเป็นสัญชาตินอร์เวย์แล้ว
- สามารถนำขวดน้ำพลาสติกไปขายโดยการนำหยอดที่ตู้รับตามร้านค้า แล้วนำใบเสร็จไปใช้ซื้อของแทนเงินสดได้
- คนนอร์เวย์ดื่มน้ำจากก็อกน้ำได้โดยตรง ถ้าหมุนก็อกน้ำไปทางขวาจะเป็นน้ำเย็น และหมุนก็อกน้ำไปทางซ้ายจะเป็นน้ำร้อน ซึ่งน้ำก็สะอาดได้มาตรฐานสุด ๆ
- คนนอร์เวย์ชอบอ่านหนังสือพิมพ์เป็นอย่างมาก ครอบครัวหนึ่งอาจจะเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ถึง 3-4 ฉบับ ซึ่งคนส่งหนังสือพิมพ์จะมีกุญแจที่ไขเข้ามาภายในตึกของอพาร์ทเมนท์หรือคอนโดมิเนียมได้ และจะนำหนังสือพิมพ์มาใส่ไว้ในช่องรับหนังสือพิมพ์ด้านหน้าประตูเข้าห้องกันเลยทีเดียวค่ะ .......คนนอร์เวย์นี่สบายกันจริง ๆ เลยเน๊อะ ตื่นเช้ามาปุ๊บ ก็เปิดประตูหน้าห้องพักของตนเอง ก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์พร้อมอาหารเช้าเลย
- หนังสือพิมพ์ตามท้องถิ่นมักจะไปตามโรงพยาบาลที่มีเด็กแรกเกิด เพื่อลงประกาศเด็กแรกเกิดให้ฟรี
- วันเกิดเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับคนนอร์เวย์ จะลืมไม่ได้เลยล่ะ ญาติพี่น้องหรือเพื่อน ๆ มักจะโทรศัพท์ ส่งข้อความเพื่ออวยพร หรือของขวัญวันเกิดให้กับเจ้าของวันเกิดเสมอ
- ในวันครบรอบวันเกิด คนนอร์เวย์มักจะเขียนข้อความอวยพรให้กับเจ้าของวันเกิดส่งไปหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รวมทั้งการแต่งงานด้วยเช่นกัน
- เมื่อมีผู้เสียชีวิต คนนอร์เวย์จะก็ลงประกาศผู้เสียชีวิตในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
วันชาตินอร์เวย์ |
|
เห็นจานนี้แล้วหิวเลย....... |