เกาหลีใต้ ไปไกลแล้วจริง ๆ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ไม่ใช่ติ่งเกาหลี แต่ที่จะเขียนเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ได้ไปสัมผัสกับประเทศเกาหลีใต้มาแบบตรงเป๊ะ


เริ่มจากไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง คนไทยและคนนอร์เวย์เดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า เรียกได้ว่าแค่ซื้อตั๋วเครื่องบินก็ไปได้เลย ที่สนามบินส่วนใหญ่ก็จะมีคนไทยกับคนเกาหลีที่มารอขึ้นเครื่อง ไฟลท์นี้แทบไม่มี
ฝรั่งหัวทองเลย นับได้ไม่กี่คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง เวลาที่เกาหลีใต้เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง

มาถึงสนามบินอินชอนละ สนามบินที่นี่ใหญ่อลังการ ตรวจเช็คพาสปอร์ตผ่านฉลุย เจ้าหน้าที่ถามเพียงหนึ่งคำถามว่ามาเที่ยวกี่วันแค่นั้นเอง

ต้องไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไป Terminal 2 ไปรับกระเป๋าสัมภาระที่นั่น แล้วก็เรียกรถแท็กซี่ คนขับบริการสุภาพ แต่ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึงนะ แกพูดได้แต่ทักทาย สวัสดี Good morning กับ Good bye นอกจากนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินซึ่งเป็นผู้อธิบายว่าต้องขับไปที่ไหน ราคาตามมิเตอร์ค่ะ มี GPS ให้ดูเส้นทางพร้อมราคามิเตอร์ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่เจ้าหน้าที่ในสนามบินบอก 



รถไฟฟ้าใต้ดินมีประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ


มาถึงโรงแรมตอนประมาณ 9 โมงเช้า พนักงานโรงแรมบอกว่าเข้าเช็คอินได้ตอนบ่ายสอง โอ๊ย…ต้องรออีกนาน 

หิวอีกแล้ว ไปหาซื้ออาหารที่ 7-11 เป็นอาหารสำเร็จรูปมีให้เลือกหลายอย่างในกล่องเดียว อร่อยดีเหมือนกันนะ ราคาก็ไม่แพงมาก อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับประมาณ 35 – 37 วอน จ่ายค่าอาหารมื้อละ 10,000 วอน ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ 


ร้านขายอาหารข้างทาง ต้องชิมให้หมดทุกอย่าง 


หลังจากนั้นก็เดินสำรวจสถานที่รอบ ๆ จนเกือบเที่ยง อากาศถือว่าสบาย ๆ พอดี ๆ ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป แต่อยากพักผ่อนในห้องมากเลย ก็นั่งรอที่ล๊อบบี้ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พนักงานโรงแรมมาบอกว่าสามารถเข้าห้องพักได้แล้ว จริง ๆ ห้องก็ว่างอยู่นะ แต่เขาก็ต้องทำตามกฎ บ่าย 2 คือ บ่าย 2 แต่ก็อนุโลมให้เข้าก่อนได้เพราะเห็นว่ามีเด็กเล็กมั้ง  

ห้องพักมาตรฐานดีสมราคา ซะใจกับ ทีวีจอใหญ่มาก โถส้วมแบบอัตโนมัติ ที่รองปรับอุณหภูมิได้ เวลาใช้จะได้ไม่หนาวก้น กดปุ่มฉีดล้างก้น จะล้างแบบจิมิ๊ก็ได้ด้วย รวมทั้งเป่าให้แห้งพร้อม รู้สึกถึงความสะอาดได้ล้ำลึกมาก ๆ 


โถ่ส้วมแบบนี้มีให้ใช้ทั่วไปตามห้องน้ำสาธารณะ

อาหารเช้าแบบเกาหลี ผัก ปลา เน้น ๆ ส่วนขนมปังก็มีนะ แต่ไม่มีมีดที่สำหรับสำหรับหั่นขนมปัง คนเกาหลีใต้ใช้ช้อนทาเนยบนขนมปัง เห็นแบบนี้ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม 

ได้เวลาออกเที่ยวละค่ะ สถานที่แรกที่ไปคือ ไชน่าทาวน์ (China town) ก็จะคล้าย ๆ ชุมชนคนจีนที่ไทย  


บรรยากาศช่วงตอนกลางวัน ยังเดินได้แบบสบาย ๆ

ลองซื้อสตรอเบอร์รี่ชุบน้ำเชื่อมแช่แข็ง ไม่ถูกปากเท่าไหร่ เนื่องจากผู้เขียนไม่ชอบอะไรที่มันหวานจนเลี่ยน ขอกินสตรอเบอร์รี่สด ๆ ดีกว่าค่ะ 


โมเดลสตรอเบอร์รี่ชุบน้ำเชื่อมแช่แข็ง ใครชอบความหวาน ซื้อเลยค่ะ

เดินดูศิลปะภาพวาดตามผนังบ้าน ดินแดนแห่งเทพนิยาย เป็นแนวการ์ตูน มีหลากหลายมาก การ์ตูนจากญี่ปุ่นหรือฝั่งอเมริกา เช่น โดราเอมอน เจ้าหญิงดิสนีย์ ฯลฯ 


ศิลปะภาพวาดตามผนังบ้าน ดินแดนแห่งเทพนิยาย เกาหลีใต้

ไปต่อที่สวนสาธารณะซึ่งเป็นที่ออกกำลังกาย เดินเล่น นั่งเล่น พักผ่อน มีลุงให้ดีคนหนึ่ง พูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรอก แต่ก็ทำมือทำไม้ ก็เดาเอาว่าแกบอกแกอายุ 90 ใจดีมาก ให้เงินแก่ลูกของผู้เขียนมา 1000 วอน รู้สึกประทับใจถึงความมีอัธยาศัยใจดีของคนที่นี่มาก 


เห็นแต่ละคนใช้มือถือ ลองเดาซิว่ายี่ห้ออะไร ซัมซุง ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ

เที่ยวต่อที่วัง พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) เนื่องจากผู้เขียนพักแถวอินชอน การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปที่พระราชวังชางด๊อกกุงใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง นั่งไป 50 กว่าสถานี ต้องบอกว่า ค่าโดยสารถูกจนเกือบเรียกว่า ฟรี ประมาณ 30 กว่าบาทเท่านั้น 


เหมือนในละครเกาหลีเลย

เดินต่อไปยัง พระราชวังเคียงบก (Gyeongbokgung Palace) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ระหว่างทางที่เดินก็จะเห็นร้านเช่าชุดฮันบก ชุดประจำชาติเกาหลีตั้งอยู่เรียงราย รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินไปมาในชุดฮันบกด้วย 


นักท่องเที่ยวใส่ชุดฮันบกเดินตามถนนหนทาง 

พิพิธพันธ์ด้านหน้าพระราชวังเคียงบกซึ่งสามารถเข้าชมได้ฟรี พระราชวังเคียงบกกว้างขวางมาก เดินจนขาลาก แรก ๆ ก็ดูนานหน่อย หลัง ๆ เดินแป๊บ ๆ ถ่ายรูป ๆ เพราะจะค่ำแล้ว เหนื่อยมาก 

เที่ยวต่อที่ สวนสัตว์ Seoul Grand Park ขึ้นกระเช้าจากปากทางเข้าไปข้างในสวนสัตว์ ต่อกระเช้า 2 รอบ นั่งเกือบครึ่งชั่วโมง มีความรู้สึกว่ากระเช้าเคลื่อนที่ช้าจังเลย นั่งนานจนเริ่มเบื่อ ที่ตื่นเต้นเล็กน้อยก็คือ ตอนลง กระเช้าจะไม่หยุดนะคะ แต่ว่าจะเคลื่อนไปตามปกติ เจ้าหน้าจะยืนพร้อมรอดึงมือนักท่องเที่ยวที่นั่งบนกระเช้า เรียกว่าฉุดลงจากกระเช้า ตื่นเต้นดีค่ะ 


นั่งกระเช้า บรรยากาศร่มรื่น ได้ผ่อนคลายสุด ๆ อ้อ....ระวังสิ่งของตกด้วยนะ

มีสัตว์หลากหลายมาก เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ สัตว์บางชนิดมีอิสระอยู่กับธรรมชาติ เหมือนไม่ได้ถูกขัง 


อยู่กับธรรมชาติ มีความสุขจริง ๆ 

ช้อปปิ้งกันค่ะ ไปที่ ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun) เท่าที่เดินสำรวจดูก็จะคล้าย ๆ กับตลาดนัดเล็ก ๆ ในไทย ของขายของแต่ละร้านก็จะคล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะขนม เดินผ่านบริเวณร้านอาหาร แต่ละร้านจะเรียกลูกค้าสุด ๆ อะนะ เงินใคร ๆ ก็อยากได้ 


หาของกินอร่อย ๆ กันดีกว่าค่ะ กินอีกละเรา ฮี่ ๆ

เที่ยวอีกที่ สวนสนุกโซลแลนด์ (Seoul Land) ตั้งอยู่ที่เดียวกับสวนสัตว์ Seoul Grand Park ของเล่นเยอะดี มีสวนน้ำ อากาศก็กำลังดี สามารถเล่นน้ำได้ ไม่หนาวมาก 


กินแล้วก็นอนขึ้นอืด มีความสุขอะไรเช่นนี้ ฮ่า ๆ

สรุป จากการที่ได้ไปสัมผัสประเทศเกาหลีใต้มา บอกได้เลยว่า คนที่ดีอัธยาศัย มีน้ำใจ แบบว่าคอยช่วยเหลือตลอด ซื้อตั๋ว ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งมาช่วยเหลือ ยิ้มแย้มแจ่มใสมาก มีคนอยากจะช่วย ทั้ง ๆ ที่ภาษาอังกฤษแทบไม่กระดิก

มียายคนหนึ่งให้ขนม แกบอกแกชอบเด็ก (ผู้เขียนเดาเอาค่ะ) แกชอบลูกของผู้เขียน รักเด็กว่างั้นเถอะ แกพูด เป็นภาษาเกาหลี แกรู้นะว่าผู้เขียนไม่เข้าใจ แต่แกก็พูด ๆ น้ำไหลไฟดับ 

ร้านค้ารูดบัตรเครดิตไม่ผ่าน ผู้เขียนต้องจ่ายเงินสด เดินออกจากร้านมาไกลแล้ว แกวิ่งตามมาบอกให้ยกเลิกรายการบัตรเครดิต ซึ่งจะได้ไม่ต้องตัดเงินจากบัตรเครดิต เพราะถ้าเป็นที่อื่นที่เคยไปเที่ยวมา ก็คงได้จ่ายเบิ้ลเป็น 2 เท่า เนื่องจากมีประสบการณ์ตรง ส่วนเรื่องอาหารการกิน ราคาอาหารเป็นไปตามเมนู 

รักษาสภาพแวดล้อม ลดการใช้ถุงพลาสติก ผู้เขียนไปซื้อของที่ร้านหนึ่งซึ่งไม่มีถุงพลาสติกให้ลูกค้า เขากลับมีกล่องลังใหญ่ ๆ ให้แทน ผู้เขียนต้องแบกมันกลับโรงแรม ฮ่ามาก  

ความปลอดภัยในระดับที่ดีมาก วัยรุ่นคนหนึ่งหลับบนรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งมีมือถืออยู่บนตัก มือถือหล่น คนข้าง ๆ ก็ช่วยเก็บให้ หล่นแล้วหล่นอีก จะหล่นไปถึงไหน คนอื่นก็ช่วยเก็บให้อีกอยู่นั่นแหละ 

อีกตัวอย่างหนึ่ง ผู้หญิง 2 คน วางกระเป๋าสะพายไว้ที่ม้านั่ง แล้วก็ไปถ่ายรูปซึ่งไกลออกไป ไม่กลัวคนจะหยิบเอาไปเลยเน๊อะ ถ้าเป็นเมืองไทยละ?

ประทับใจมากที่ไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก ลบภาพคำว่าเกาหลีขี้โกงหรือหยิ่งจากที่เคยได้อ่านหรือได้ยินมานั้นออกจากสมองของผู้เขียนไปเลย ประเทศเกาหลีใต้พัฒนาไปไกลแล้วในหลาย ๆ ด้าน คราวหน้าคงต้องหาโอกาสไปอีกแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Comment