10.07.24 วันที่ 1 เดินทางไปจีน
วันแรก: เดินทางถึงปักกิ่ง
การเดินทางไปปักกิ่งเริ่มต้นที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งแคปิตอล เมื่อถึงที่สนามบินก็ประมาณ 4 โมงเย็น ซึ่งหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองที่ใช้เวลานานก็ต้องหาทางไปโรงแรม
เนื่องจากสนามบินใหญ่ ครอบครัวเลยตัดสินใจใช้บริการนายหน้าที่สนามบินเพื่อเรียกแท็กซี่ ราคาค่าโดยสาร 300 หยวน ถือว่าแพงมาก พนักงานกรอกชื่อโรงแรมและระบบจะคำนวณราคาค่าโดยสารให้อัตโนมัติ แต่ถ้าใช้แอป Alipay หรือ Didi จะราคาถูกกว่านี้ ได้ใช้ตอนเดินทางกลับจ่ายไปแค่ 70 หยวน
โรงแรม:
หลังจากเดินทางมาถึงโรงแรมระดับ 4 ดาวครึ่งในปักกิ่ง ไม่มีบริการยกกระเป๋าหรือพาไปที่ห้องนะคะ แม้ว่าจะเป็นโรงแรมเครือใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก แต่พนักงานต้อนรับกลับพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลยค่ะ
จะคุยกับพนักงานก็ใช้แอปแปลภาษา Alipay ค่ะ แม้พนักงานจะพยายามพูดว่า Velkommen til hotellet - เวลคมเม่น ทิล โฮเทลเละ - ยินดีต้อนรับสู่โรงแรม
การเดินทางในปักกิ่ง:
ไปถึงปักกิ่งแล้วเจอกับความท้าทายใหม่ๆ! ใครจะไปคิดว่าเดินทางไปเมืองใหญ่ๆ อย่างนี้ จะเป็นการฝึก språkferdigheter - สโปรคฟาดิเฮเทอะร์ - ทักษะทางภาษา ได้อย่างดีขนาดนี้ เพราะในเมืองนี้ภาษาอังกฤษแทบไม่สามารถใช้ได้เลยแม้แต่ในแท็กซี่หรือร้านอาหาร
เจ้าของร้านไม่รู้จัก Hei - ไฮ - สวัสดี หรือ Hva koster det? - วา คสเตอะร์ เด - ราคาเท่าไหร่
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็เดินหาอาหารแถวๆ โรงแรม lokal mat - โลคัล มาท - อาหารท้องถิ่น แต่สุดท้ายจบลงที่ร้านพิซซ่าซึ่งติดกับโรงแรมนี้ค่ะ
11.07.24 วันที่ 2 Ming Dynasty Wall Relics Park of Beijing
อาหารเช้าที่โรงแรม บุฟเฟต์นานาชาติ :
เช้านี้เจออาหารหลากหลายจนตาลาย! มีครบทั้ง kinesisk mat - ชีเนซิสค์ มาท - อาหารจีน, thailandsk mat - ไทยลันสค์ มาท - อาหารไทย, และ japansk mat - ยาปันสค์ มาท - อาหารญี่ปุ่น จนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยค่ะ
ข้าวผัดหรือ stekt ris - สเต็ก รีส - ข้าวผัด, ผัดวุ้นเส้น, ผัดบะหมี่ ก็มาในสไตล์จีนแท้ ๆ ส่วนติ่มซำอย่าง เท้าไก่นึ่ง นี่ต้องลองค่ะ รสชาติคล้าย ๆ ไข่พะโล้หน่อย ๆ แต่ที่เป็นไฮไลท์คงไม่พ้นซูชิ sushi ซึ่งเหมือนมีความตั้งใจจะดึงคนรักอาหารญี่ปุ่นมาตักแบบไม่หยุดเลย
อ้อ! ที่นี่ก็มี ปาท่องโก๋ นะคะ แต่แอบจีดไปหน่อย ไม่อร่อยเท่าของไทย ใครที่คิดถึงความอร่อยของขนมไทยคงต้องทำใจหน่อยล่ะค่ะ
ส่วนของหวานคือขนมถั่วอัดแบบจีน รสชาติใกล้เคียงกับขนมถั่วอัดของไทยมาก ต้องลองชิมค่ะ เพราะเหมือนอยู่ที่บ้านจริงๆ
วันนี้ไปที่ Ming Dynasty Wall Relics Park of Beijing - สวนกำแพงราชวงศ์หมิง ซึ่งห่างจากโรงแรมแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ ระหว่างทางก็เลยได้ทั้งชมและสูดบรรยากาศไปด้วยรอบ ๆ บอกเลยว่าเป็นการเดินที่รื่นรมย์มาก! เมื่อมาถึงสวนก็ได้เห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ของราชวงศ์หมิงแบบใกล้ชิด การได้เดินแบบนี้ทำให้เรารู้สึกได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของปักกิ่งมากขึ้น
เรื่องซิมการ์ด:
การใช้ซิมการ์ดในจีนเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนเดินทางนะคะ ถ้าซื้อซิมในจีนโดยตรง จะไม่สามารถเข้าถึง Google หรือบริการที่เกี่ยวข้องได้ เช่น Gmail, Google Maps, WhatsApp หรือแม้แต่ Facebook และ LinkedIn ฯลฯ เนื่องจากจีนจำกัดการเข้าถึงบริการบางอย่าง สำหรับคุณแม่ของหนูเลือกซื้อมาซิมจากไทยค่ะ ราคาถูกกว่าซิมจากนอร์เวย์และครอบคลุมการใช้อินเทอร์เน็ต 6 GB ใช้งานได้ 10 วัน สะดวกมากเพราะอยู่ที่จีน 9 วันพอดีค่ะ! มีอีกวิธีคือใช้ VPN ไม่ขอพูดถึงนะคะ
การใช้ Google Maps:
เปิด Google Maps "kart" (คาร์ท) ค่ะ เดินทางได้ไม่หลง หลังจากถึง Ming Dynasty Wall Relics Park ก็จ่ายค่าเข้าชมแค่ 10 หยวนเท่านั้น คุ้มสุด ๆ แต่... อากาศร้อนมาก จังหวะนี้เหงื่อมาเต็มเหมือนบ่อกำเนิดพลังงานใต้ดิน พอเดินขึ้นบันไดที่ไม่รู้จบเท่านั้นแหละ หันไปเห็นมุมเมืองกับวิวสถานีรถไฟสวยมากก็เริ่มหายเหนื่อยเลย
หลังจากแวะชมวิวเสร็จ ได้เวลาหลบแดดด้วยการหาอะไรเย็น ๆ กิน จัดไปเลยไอศกรีม "iskrem" (อีสเคร็ม) กัดไปคำแรกนี่เหมือนมีเสียง อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ไอศกรีมนี่แหละเหมือนของขวัญจากสวรรค์ค่ะ
มื้อเย็นที่ร้านอาหารจีน
มื้อเย็นวันนี้ขอจัดเต็มด้วยอาหารจีนแท้ ๆ ที่ร้านใกล้โรงแรมค่ะ โอ้โห! บะหมี่ชามใหญ่มาก บะหมี่คลุกซอสมะเขือเทศสีแดงสวยแบบจัดเต็ม บอกเลยว่าอร่อยจนลืมโลกค่ะ
ยังไม่หมด! ติ่มซำที่นี่ก็น่าลองมากค่ะ พอสั่งมาก็ล้นโต๊ะจนแอบตกใจหน่อย ๆ พอทานแล้วรู้สึกว่าอร่อยมากจนต้องบอกว่า "อร่อยสุด ๆ!" มื้อนี้เลยจบลงด้วยความอิ่มท้องและความสุขแบบจุก ๆ ไปเลยค่ะ
การเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้จะได้ไปเยือนกำแพงเมืองจีนที่ Mutianyu แล้ว! ตื่นเต้นมากค่ะ แต่การไปเที่ยวที่นี่ต้องเตรียมตัวซื้อตั๋วล่วงหน้านิดนึง โดยเราต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ mutianyugreatwall.com หรือจะใช้บริการตัวแทนขายอย่าง Klook ก็ได้ (เพราะบางทีราคาก็ถูกกว่าด้วย) วิธีนี้สะดวกดีเลยค่ะ ไม่ต้องมาต่อแถวหน้าทางเข้าให้เมื่อย!
ลงทะเบียน กรอกข้อมูล แล้วเราก็จะได้ตั๋วในรูปแบบ QR Code มาใช้ผ่านแอปบนมือถือ พอไปถึงก็แค่โชว์ QR Code สแกนปุ๊บเข้าชมได้ปั๊บ ง่ายเหมือนกับประตูเวทมนตร์เลยล่ะค่ะ ขอบอกเลยว่านี่ช่วยให้เที่ยวแบบไม่เสียเวลา ได้ใช้เวลาทั้งหมดชื่นชมวิวสวย ๆ บนกำแพงแบบเต็มที่เลยค่ะ
12.07.24 วันที่ 3 Mutianyu กำแพงเมืองจีน (The Great Wall)

ท่องเที่ยวกำแพงเมืองจีนที่ Mutianyu
วันนี้ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อทานอาหารเช้า ตั้งแต่ 6:30 น. พอทานเสร็จก็เตรียมตัวใช้ Alipay เรียกแท็กซี่แบบ Express ซึ่งจ่ายราคาเหมาไปเลย ใช้เวลาไม่นานก็รอรถแค่ 4 นาทีรถก็เข้ามารับที่โรงแรมแล้ว จากโรงแรมไปกำแพงเมืองจีนด่าน Mutianyu ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึง
วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทานอาหารเช้าเวลา 6:30 น. แล้วก็เดินทางไปที่กำแพงเมืองจีน ใช้แอป Alipay เรียกแท็กซี่! โชคดีมากค่ะที่เรียกแบบ Express ได้ทันใจสุด ๆ ไม่ต้องต่อราคากันให้วุ่นวาย จ่ายราคาเหมาสบาย ๆ ไปเลย ใช้เวลาแค่ 4 นาทีเท่านั้น รถก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมพร้อมรับเราทันที
จากโรงแรมไปถึงด่าน Mutianyu บนกำแพงเมืองจีนนั้น ขับไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง บรรยากาศตอนเช้านี้ดีมาก เหมือนกำลังจะเริ่มการผจญภัยไปสู่กำแพงเมืองจีนจริง ๆ พูดได้เลยว่า "ตื่นเต้นสุด ๆ"
การเข้าชมกำแพงเมืองจีน
ไปที่ด่าน Mutianyu ของกำแพงเมืองจีน อย่าลืมพกพาสปอร์ตไป เพราะต้องใช้ในการเข้าชม! เมื่อคุณเข้าไปแล้วจะเห็นวิวสวยๆ ของกำแพงเมืองจีน และจะมีโอกาสถ่ายรูปตลอดทาง แต่ระวังพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นที่พยายามขายของฝากตลอดเวลาจนทำให้บางครั้งรู้สึกเหมือนเป็นการทดสอบการอดทน
ถ้าคุณไม่อยากซื้อของฝาก ก็แค่บอก "ไม่ ขอบคุณ" แล้วเดินต่อไปได้เลย! หากคุณพร้อมจะเดินไปต่อก็แค่บอกว่า "ไปกันเถอะ"
การขึ้นกระเช้าลอยฟ้า
การเที่ยวด่าน Mutianyu ของกำแพงเมืองจีน ระหว่างทางเดินเพื่อไปขึ้นกระเช้าจะมีดอกทิวลิปปลูกเรียงรายให้เห็นจากระยะไกล ดูสวยงามมาก! แต่พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ กลับกลายเป็นดอกทิวลิปพลาสติก! ทำให้รู้สึกขำๆ ว่าเขาทำไว้สวยดีนะ แต่มันไม่ใช่ของจริง
ขึ้นรถบัสไปยังกระเช้าลอยฟ้าที่มีให้เลือกสองแบบ:
แบบปิด ราคาค่าโดยสาร 160 หยวน ไป-กลับ นั่งได้หลายคน
แบบเปิด ราคาค่าโดยสาร 120 หยวน นั่งได้ 2-3 คน นั่งไปเหมือนกำลังบิน!
สำหรับการกลับ ลงเขาได้สะดวกด้วยรถราง ซึ่งครอบครัวของผู้เขียนซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า ทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายมากขึ้น! ที่ Mutianyu เป็นจุดชมวิวสุดยอด ทั้งสวยและสะดวก!
การเดินชมกำแพงเมืองจีน
ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าแบบปิด ไม่นานก็ถึงจุดเริ่มต้นของการเดินบนกำแพงเมืองจีน วันนี้เป็นวันศุกร์ คนเยอะมากเหมือนงานเทศกาล แต่ฝนที่ตกลงมาเล็กน้อย ไม่นานก็หยุดแล้ว ทำให้การเดินชมวิวกลับมาสนุกเหมือนเดิม
ตั้งใจจะเดินไปให้ไกลๆ สักกิโลเมตร แต่พอเริ่มเดินจริงๆ ก็พบว่าทางมันชันเกินคาด จนทำให้ขาเริ่มร้องเพลง "โอ้ย เมื่อย!" เลยต้องหยุดพักบ่อยๆ
แต่สุดท้ายก็ใช้เวลาบนกำแพงเมืองจีนประมาณ 3 ชั่วโมง โดยชมวิวและสัมผัสประสบการณ์ที่ตื่นเต้น
การกลับจากกำแพงเมืองจีน
เมื่อถึงเวลาจะกลับก็เรียกแท็กซี่จากแอป Alipay โชคดีมากที่มีแท็กซี่จอดรออยู่ตรงบริเวณกำแพงเมืองจีนเหมือนกับว่าเดินไปแล้วเห็น รอแค่ประมาณ 2 นาทีก็ขึ้นรถได้อย่างง่ายดาย รู้สึกเหมือนเป็นคนดังที่มีรถรับส่งส่วนตัวเลย!
หลังจากนั้นก็กลับโรงแรมแบบสบายๆ นั่งในรถแบบ "โอ้ย นี่แหละชีวิต!" พอถึงโรงแรมก็พักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเที่ยวต่อในวันถัดไปเพราะวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกและการผจญภัยบนกำแพงเมืองจีน
13.07.24 วันที่ 4 Temple of Heaven
การเที่ยววัดและพิพิธภัณฑ์ในปักกิ่ง
วันนี้เป็นวันเสาร์ (lørdag - เลอร์ด๊าก) ที่เลือกมาที่นี่เพราะสถานที่นี้สามารถรองรับคนได้เยอะและไม่ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเลย สำหรับผู้ที่อายุเกิน 60 ปี เข้าฟรีทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ! ส่วนผู้ใหญ่ทั่วไปต้องจ่าย 30 หยวน และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จ่ายแค่ 9 หยวนเท่านั้น!
แม้จะมีคนเยอะมากแต่ก็ยังมีความอลังการของวัดที่น่าประทับใจที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในหนังจีนโบราณ!
อากาศร้อนสุด ๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางการเที่ยว เพราะมีน้ำดื่มพร้อมให้ดื่มตลอดทางจนรู้สึกว่ากลายเป็นนักท่องเที่ยวสายสุขภาพไปแล้ว!
พิพิธภัณฑ์ Natural History Museum
หลังจากชมวัดเสร็จก็เดินไปที่พิพิธภัณฑ์ Natural History Museum (Naturhistorisk ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าสนใจและให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของโลก แต่วันนี้อากาศร้อนสุด ๆ จนต้องหาที่นั่งพักบ่อย ๆ (ta pauser ofte - ทา เพาเซอร์ อฟเต้ะ)
หลังจากนั้นหนูก็เดินไปต่อที่ Yongdingmen ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่นมากมีต้นไม้เยอะและให้ความรู้สึกเหมือนเมืองสีเขียวจริง ๆ แต่ต้องระวังยุงด้วยนะเพราะที่นี่มียุงเยอะมาก (mange mygg - มั่งเงะ มิ๊ก) คุณแม่โดนไป 2 ตัวเลย! ถ้าใครจะไปเที่ยวอย่าลืมทาหรือพกสเปรย์กันยุงไปด้วยเพราะมันจะช่วยได้มากเลย!
การเต้นรำในเมืองปักกิ่ง
ในระหว่างเดินผ่านสวนสาธารณะก็เจอคนท้องถิ่นมาเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามาก ๆ อยากจะลองเต้นบ้าง คุณแม่ชวนคุณพ่อไปเต้นด้วย กลับได้รับคำตอบว่า "ต้องจ้าง 1 ล้านเลยนะ"
14.07.24 วันที่ 5 เฉียนเหมิน (Qianmen Street) - ถนนที่เที่ยวตลาดและการลองของกินในปักกิ่ง
วันนี้หนูไปที่ตลาดเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางการค้า มีร้านค้าหลายร้านที่ขายสินค้าพื้นเมืองและอาหารอร่อย ๆ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเดินทางย้อนเวลากลับไป!
ก่อนเข้าไปในตลาด ก็แวะถ่ายรูปสวย ๆ กับบรรยากาศของที่นี่สักหน่อยเพราะมันสวยจนอดไม่ได้!
ตลาดนี้คนเยอะมาก ข้างทางเต็มไปด้วยของกินหลากหลายประเภทและผู้คนก็พลุกพล่านตลอดเวลา ที่นี่มีทั้ง ถังหูลู่ ซึ่งเคยชิมแล้วที่เกาหลีใต้ รสชาติหวานมากและถึงแม้จะเห็นที่นี่ ก็นึกว่าคงหวานเหมือนเดิมก็เลยตัดสินใจไม่ลองชิมอีกแล้ว
นอกจากของหวานแล้วยังมี เสื้อผ้า (klær - คลาร์) และของใช้ต่าง ๆ วางขายเยอะมาก คิดว่าคงต้องซื้อเสื้อกันรังสียูเพราะแดดที่นี่ร้อนสุด ๆ จริง ๆ
หลายร้านค้าทำการตลาดด้วยการใช้ หุ่นปั้น เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า บางร้านใช้หุ่นแบบเดียวกันในหลายจุด ดูเหมือนว่าจะเป็นเทคนิคที่ช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดีจริงๆ
ขนมอร่อยๆ ระหว่างเดินก็แวะลองขนมเหนียว ๆ หนึบ ๆ ที่น่าสนใจ รสชาติอร่อยและทานง่าย จึงไม่พลาดที่จะซื้อกินสักหน่อย
การลองฮอทดอกชุปเครื่องเทศที่คล้าย ๆ พริกไทยก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดี รสชาติจัดจ้านและอร่อยดี
พอถึงมื้อกลางวันก็ทานอาหารไก่ทอด เฟรนฟราย และไก่นัตเก็ต (kyllingnuggets - ชิลหลิงนั๊กเก็ตส์) ซึ่งก็เป็นอาหารที่นิยมในจีนมาก คนก็เยอะมากเหมือนกัน ร้านแบบนี้มีความนิยมสูงในที่นี้
15.07.24 วันที่ 6 Beijing zoo

สวนสัตว์ในปักกิ่ง - สนุกกับการดูสัตว์และหมีแพนด้า
วันนี้หนูไปเที่ยว สวนสัตว์ในปักกิ่ง สถานที่ที่ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถเข้าฟรีได้! สำหรับค่าเข้าของผู้ใหญ่ก็แค่ 19 หยวน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจ่ายแค่ 9 หยวนเท่านั้น! ราคานี้ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับสวนสัตว์ในไทยที่บางแห่งมีค่าเข้าแพงจนรู้สึกเหมือนจะต้องจำนำบ้าน!
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันจันทร์แต่ที่สวนสัตว์ก็ยังคึกคักไม่แพ้วันหยุดเลย! คนเยอะจนคิดว่า วางแผนเที่ยวสวนสัตว์หรือคอนเสิร์ต? เพราะคนมาชมสัตว์กันแบบไม่ขาดสาย
ที่สวนสัตว์นี้ไม่มีการขายอาหารให้ป้อนสัตว์เพราะสัตว์ที่นี่ได้รับการดูแลและให้อาหารอย่างเพียงพอแล้วคือไม่ต้องห่วงเรื่องการให้อาหาร เพราะสัตว์ที่นี่จัดเต็มและมีพนักงานดูแลดี บริการประทับใจมาก! สามารถเข้าไปดูสัตว์ได้แบบสะดวกสบาย แบบไม่ต้องห่วงว่าจะโดนเลี้ยงโดยสัตว์!
ถึงแม้ว่าจะมีสัตว์หลายชนิดที่หายไปจากกรงแต่สวนสัตว์ก็มีการทำ รูปปั้นสัตว์วางไว้แทน เช่น กวาง
อย่างไรก็ตาม, บางกรงของสัตว์ก็ทำให้รู้สึกสงสาร เพราะมันค่อนข้างแคบและสัตว์บางตัวต้องอยู่บนพื้นปูนซีเมนต์ซึ่งไม่มีธรรมชาติเลย บางกรงทำให้รู้สึกเหมือนสัตว์เหล่านี้ ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
หมีแพนด้า - ประสบการณ์การรอคอยที่ยาวนาน
ส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือการไปดู หมีแพนด้า หลังจากเข้าไปประตูแล้วก็เดินหาหมีแพนด้า หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ! อ้อ, ต้องมาต่อคิวเพื่อดูแพนด้าอีก! ต้องยืนรอคิวตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงเกือบ 6 โมงเย็น โดยที่ต้องรอนานมากกว่าที่คิด เป็นการรอคอยที่ร้อนและเมื่อยขา รอประมาณ 1 ชั่วโมงนะ ตอนแรกเจ้าหน้าที่ปล่อยให้เข้าไปทีละ 2-3 คน พอ 6 โมงเย็นกว่า ๆ ปล่อยเข้าไปพร้อมกันหมดเลย คนประมาณ 300 กว่า เคยดูแพนด้ามาแล้ว 3 ครั้ง 3 สวนสัตว์ แต่ไม่เคยเจอ (har aldri sett - ฮาร์ อัลดริ เซ็ท) แบบนี้เลย! มันช่างยากเย็นและต้องรอนานยาวนานกว่าเวลาเลิกงานขนาดนี้เลย! โอ้ย, เหนื่อยจริงๆ!
พอในที่สุดเข้าไปถึง, ก็ได้เห็นมันแค่ 2 นาที! (bare 2 minutter - บ้าเระ ทู มินุตเทอร์) แล้วก็ต้องไปรอหาของฝากดีกว่า สุดท้ายก็เลยได้พัดรูปหมีแพนด้ากลับบ้านแทนการรอคอยที่ยาวนาน
การเที่ยวสวนสัตว์ครั้งนี้อาจจะเป็นการเดินทางที่ไม่ประทับใจเท่าไหร่เพราะการรอคอยที่ยาวนาน จนกลายเป็นการดูหมีแพนด้าแวบเดียว แต่ก็ได้เรียนรู้ว่าการบริหารจัดการที่ของสวนสัตว์ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่สนุกสักเท่าไหร่
16.07.24 วันที่ 7 โอลิมปิก พาร์ค (Olympic Park) เป็นสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิก Beijing 2022
เที่ยวที่สนามกีฬาเบิร์ดเนสต์และสระว่ายน้ำวอเตอร์คิวบ์
วันนี้ได้ไปเที่ยวที่สนามกีฬารังนกที่ใหญ่โตอลังการมาก ๆ สามารถมองเห็นจากด้านนอกได้อย่างชัดเจน สนามกีฬานี้เป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ขนาดของมันก็ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจจริง ๆ
สนามกีฬานี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์กีฬา แต่ยังมีความสวยงามที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในรังนกจริง ๆ!
จากนั้นเดินต่อไปที่ สระว่ายน้ำวอเตอร์คิวบ์ ไม่ได้เข้าไปเล่นน้ำ แต่แค่ซื้อบัตรเพื่อเข้าไปชมข้างใน ค่าเข้าก็ต้องจ่ายเหมือนกันถึงแม้จะไม่ได้เล่นน้ำ สระว่ายน้ำนี้ดูหรูหราและอลังการสุด ๆ ทำให้รู้สึกอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำขึ้นมาทันที!
ที่นั่นมี สไลด์เดอร์ใหญ่สูงมากมาย เดินผ่านไปก็เกือบจะกลัวตกลงไปในน้ำ แต่สิ่งที่ทำให้หนูยิ้มได้ก็คือการมี คอนเสิร์ตฟรี (gratis konsert - กราติส คนเซิร์ต) ในระหว่างเล่นน้ำ! ทุกคนที่อยู่ในน้ำก็เต้นกันอย่างสนุกสนาน ขนาดคนที่ยืนข้างนอกยังได้ยินเสียงเพลงมันส์ ๆ ดังเข้าไปในหูเหมือนกับว่าเป็นคลับสวนน้ำเลย!
แต่ว่าปัญหาคือพอถึง วันหยุดสุดสัปดาห์ (helg - เฮล์ก) ราคาตั๋วก็ขึ้นไปสูงมากถึง 1,000 หยวน
หลังจากเที่ยวชมแล้ว ก็ได้พักทานอาหารอร่อย ๆ ไก่ทอดที่ทานก็คล้าย ๆ KFC อร่อยจนไม่อยากหยุดกิน! ข้าวก็คล้าย ๆ ข้าวขาหมู (ris med svinekjøtt - รีส เมด สวีนเนะเชิท) หอมอร่อยจนอยากกินเพิ่ม แต่พอทานไปเพลิน ๆ ก็กินจนเกือบพุงกาง!
สระว่ายน้ำหรูหรานี้ทำให้รู้สึกอยากเป็นนักกีฬาและออกกำลังกายมาก ๆ ทุกคนในสระเหมือนจะว่ายน้ำแข่งกัน เหมือนกำลังฝึกซ้อมในรายการโอลิมปิกเลย! เด็ก ๆ ก็กำลังฝึกซ้อมอย่างขยันขันแข็งเหมือนนักว่ายน้ำระดับโลก!
17.07.24 วันที่ 8 พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City)
วันนี้ไปเที่ยว พระราชวังต้องห้าม (Den forbudte by - เด็น ฟอร์บูดเตะ บี) ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าแก่ในราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ใครจะรู้ว่าการเที่ยวพระราชวังต้องห้ามจะเป็นการออกกำลังกายไปในตัว! ซื้อตั๋วเข้าไปข้างใน 3 คน ราคา 110 หยวน ถือว่าไม่แพง แต่ว่าพระราชวังมันใหญ่โตมโหราฬมาก เดินวนไปวนมาหลายชั่วโมง จนเริ่มคิดว่า "นี่มันการแข่งขันเดินวนรอบประตูวังหรือเปล่า?"
ยิ่งไปกว่านั้นคนเยอะมาก จนต้องเล่นกีฬาเบา ๆ ในการหลบคน ขาก็เมื่อยสุด ๆ แถมร้อนอีกต่างหาก พอหยุดพักน้ำไปหน่อย พวกเราคิดว่า “จะเข้าไปดูห้องไหนอีกดี?” แต่สุดท้ายก็เจอกับแค่บรรยากาศของการเดินวนนี่แหละ!
ถ้าใครมีข้อเข่าเสื่อมหรือรู้สึกปวดแข้งปวดขา (smerter i beina - สมัทร์เทอร์ อี ไปนะ) อาจจะไม่แนะนำให้มาที่นี่เพราะเดินเยอะมากจริง ๆ แถมบางจุดต้องเดินไกลๆ อีกต่างหาก เราไม่มีไกด์คอยอธิบายประวัติศาสตร์ให้ฟัง เลยแอบไปยืนใกล้ ๆ กรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์ด้วยเพื่อได้ฟังข้อมูลที่น่าสนใจ ครูพักลักจำ (lærte meg ved å lytte - ลาทเตะ ไม เว โอ ลิตเตะ) เพื่อไม่ให้พลาดประวัติศาสตร์สำคัญที่อยู่รอบตัว!
พระราชวังต้องห้าม รู้สึกเหมือนเข้าไปในห้างสรรพสินค้ายักษ์เลยค่ะ เพราะเดินวนไปวนมาไม่รู้จบ เดินมาอีกนิดก็เจอโซนใหม่ แต่ละโซนเหมือนจะคล้ายๆ กันนะคะ เดินไปก็คิดว่า “เดี๋ยวๆ นี่หรือเราเดินออกมาวนรอบเดิม?” ก็เหมือนจะทำให้หนูได้เป็นนักวิ่งมาราธอนไปในตัวค่ะ!
และแน่นอนว่าความร้อนก็ไม่แพ้ความสวยของพระราชวังเลยค่ะ ร้อนจนเหงื่อหยดเป็นสายฝน พอมีร่มก็กลายเป็น การต่อสู้กับแดด (kamp mot solen - คัม มุท ซูเล่น) บอกเลยว่าใครจะไปเที่ยวที่นี่ ต้องพกร่มไปเป็นอาวุธหลักนะคะ ไม่งั้นได้ต้มไข่บนหัวแน่ๆ!
เดินจนขาแทบหัก พอถึงทางออกได้เห็น สวนจิงชาน (Jingshan Park - จิงซาน พาร์ค)
สวนจิงชาน
หลังจากเดินยืดขากันที่ พระราชวังต้องห้าม จนแทบไม่รู้จะหันไปทางไหนแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเดินทางไปที่ สวนจิงชาน ที่อยู่ใกล้ ๆ อย่าไปกลัว! มันแค่ขึ้นเขา 5 นาที! แม้ว่าจะมีหัวเข่าปวดแต่ก็ยังยิ้มกว้างได้ เพราะเราได้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
และในที่สุดก็ถึงจุดสูงสุดของสวน แต่จากที่มองลงมาเห็นวิวรอบสวนแล้ว ก็พูดได้คำเดียวว่า “คุ้มค่า!” เพื่อน ๆ อย่าลืมเตรียมพลังขากันไว้หน่อยนะคะ เอาให้ การเดินขึ้นเขา เป็นเรื่องสนุก!
วิวระดับ 360 องศา ใครมาที่นี่แล้วไม่ได้ถ่ายรูปคือไปไม่ถึงจุดชมวิว นั้นสามารถมองเห็น พระราชวังต้องห้าม ได้ชัดเจนสุด ๆ พวกเราเลยกดชัตเตอร์กันอย่างเมามัน ปัญหาคือมีคนเยอะมาก ขึ้นไปถ่ายรูปเสร็จแล้วก็รีบลง
แล้วคิดดูสิ วิวจากที่สูง (utsikt fra høyden – อุทซิกต์ ฟรา เฮยเดน) ไม่ได้มีบ่อย ๆ นะ! มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้านายที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างจากมุมสูง จริง ๆ!
สรุปแล้ว การได้มาเดินชมวิวจากจุดสูงสุดนี้มันช่างประทับใจสุด ๆ และทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา พร้อมกับได้เห็นวิวที่สวยที่สุดของพระราชวัง4และเมืองปักกิ่ง!
สรุปการเที่ยวปักกิ่ง
การเที่ยวปักกิ่งครั้งนี้ถือว่าครบครันสุด ๆ เลยค่ะ! ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญและประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย คิดดูสิ บางที่เราแค่กดมือถือก็ เรียกแท็กซี่ได้ อย่างง่ายดายเพราะมี Alipay ที่ทำให้การชำระเงินและการเดินทางสะดวกสุด ๆ เทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ทำให้ทุกอย่างดูง่ายไปหมด ไม่ต้องพกเงินสดก็ไปได้สบาย ๆ เลย!
นอกจากนี้บางที่ยังมีการเข้าฟรีสำหรับผู้สูงอายุเหมือนกับพระราชวังต้องห้าม ซึ่งถือว่าเป็น สิ่งที่ดีมาก สำหรับคนรุ่นก่อนนะคะ ช่วยให้การเดินทางในเมืองปักกิ่งนี้สะดวกสบายขึ้นเยอะเลยทีเดียว!
ห้องน้ำในจีนมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ห้องน้ำหรูในห้างหรือโรงแรมที่สะอาดและทันสมัย ไปจนถึงห้องน้ำสาธารณะที่อาจจะมีสภาพไม่ค่อยดี บางทีไม่มีสบู่หรือกระดาษชำระเลยก็มี! แต่ที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ คือห้องน้ำแบบจีนที่ต้องนั่งยองๆ ซึ่งอาจจะท้าทายความยืดหยุ่นของคุณบ้าง
ส่วนในห้องน้ำที่ทันสมัย เช่น ในโรงแรมหรู คุณอาจจะพบกับเทคโนโลยีสุดล้ำ เช่น เครื่องล้างทำความสะอาดหรือเซ็นเซอร์เปิดน้ำ ช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคต!
ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำประเภทไหน ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมในจีน!
การเดินทางในเมืองนี้มีทั้ง ความสะดวกสบาย (komfortabel – คมฟอร์ทาเบล) และ เทคโนโลยีล้ำหน้า (teknologi – เทคนููลูกี) ที่ช่วยให้การเดินทางและการชำระเงินรวดเร็วและไม่ต้องยุ่งยาก ส่วนตัวรู้สึกว่าเทคโนโลยีนี้ทำให้การเดินทางในปักกิ่งง่ายขึ้นมาก และทำให้การเที่ยว ในประเทศจีนและเมืองปักกิ่งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและไม่เครียดเลยค่ะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น